วันวานยังหวานอยู่(แม่เล่าให้ฟัง@3)วันตรุษจีน
Apr 22 2025


แดดก็มี ฝนก็ไม่ตก แต่คลื่นนี่สิ แรงชะมัด!!!!
ฝ่าฟัดกระหน่ำ กระทบกาบเรือ คนกระเด็นกระดอน กลิ้งกันไปมา ไต้ก๋งบอก ไม่ไหวหละ....ต้องหาที่แอบ ลมตังฮวง (ภาษาแต้จิ๋ว เป็นชื่อทิศทาง)
ลมมาทางนี้.. กูว่ามึงเอาใบแอบเข้าทิศนั้น ไปเร็วๆๆๆ
แถวนี้ปากทะเลตังโป๊ย (อยู่แถว ต.โคกขาม สมุทรสาครในปัจจุบัน)เอานี่แหละ ปีกโค้งหลบลม อยู่ซักพักท่าจะดี ว่าแล้วทุกคนก็ลงจากเรือ มาขอน้ำขอท่ากับชาวบ้านแถบนี้
เขาว่า ช้างเผือกอยู่ในป่า เห็นท่าจะจริง คนอะไรช่างงามขนาด ก๊กไถ้ แซ่เตีย(แสงสุขเอี่ยม) คิดอยู่ในใจ
ฝ่ายหญิง กิมจำ แซ่เล้า อยู่ในบ้านกำลังขัดล้างครัว ตามประเพณีโบราณ ครัวกระทะ หม้อ ต้องไม่ดำ ขนาดใช้ฟืนหุง ยังต้องขัดให้เอี่ยมอ่อง เป็นการแสดงตัวว่า บ้านนี้ มีลูกสาวและผู้เป็นแม่อบรมลูกสาวมาดี (คนโบราณเขาจึงดูหม้อในครัวว่าสะอาดแปลว่าลูกสาวบ้านนี้ขยันว่านอนสอนง่าย) เดี๋ยวนี้ขนาดเป็นเตาแก๊ส ไปดูเถอะ ในครัวหม้อ....ดำเขรอะ
รักแรกพบจึงเกิดขึ้น ระหว่าง ก๋งก๊กไถ้ กับ ยายกิมจำ เหมือนฟ้าเป็นใจ คลื่นลมก็ไม่ไช่ฤดู จวนพลบค่ำก็ไม่เห็นทีท่าจะเบา ฝนก็ไม่มี อะไรกันนี่ ต้องขอค้าง แถวนี้ซักคืน...
และแล้ว ล่วงมาอีกคืน ฝนไม่ได้ตก ทำไมลมแรงอย่างนี้ คลื่นลมเรือใบอย่างเราไปไม่ได้แน่ และแล้ว 7 วันแห่งการอยู่ทะเลตังโป๊ย หัวใจไอ้หนุ่มตังเก ก็เกิดหวั่นไหวขึ้นมา "ลมพาพัดจากฟากฟ้า มาฝากฝังยังฝั่งคลอง"
เรียบร้อยแล้ว...แต่ยังไม่ได้สนทนากันซักคำ เมื่อฝ่ายหญิงเอาแต่เก็บตัว
หัวเราะกันครึน!!!!เมื่อ ยายกิมจำนั่งเล่าเรื่องตัวเองเป็นนิยาย series ยิ่งกว่าหนังเกาหลี ให้หลานๆฟัง ขณะนั่งทำขนมเทียน ขนมเข่ง อยู่ในบ้านญาติพี่น้องมาร่วมกันทำ เพราะมันใกล้เข้ามาอีกปีแล้ว
"เทศกาลตรุษจีน"
ยายกิมจำ
เด็กๆ ผู้ชายเขาไม่ไห้ห่อขนมเทียน เพราะต้องไปตัดใบตอง แล้วเช็ดด้วยน้ำมันหมู ให้เรียบร้อย คนโตๆก็จะกวนไส้ ทั้งหวานทั้งเค็ม กันสนุกสนาน ส่วนเด็กสาว ต้องห่อขนมเทียน ให้มีลักษณะป้านแหลม สวยงาม เพราะยายบอกว่า เด็กสาว มาปั้นให้สวยๆ เอ็งโตขึ้น อยากได้ หน้าอก หน้าใจ แบบไหน ก็ให้ตั้งใจทำ อย่างนี้นี่เอง สาวๆที่บ้าน จึงแย่งกันห่อกัน สนุกสนาน พอมีเสียงหัวเราะกันบ้างในเวลาทำงาน
ผู้ใหญ่ก็จ้าละหวั่นในการเตรียมของขึ้นเซ่นไหว้ ซาแซ โหงวแซ มีครบครัน ที่ขาดไม่ได้ เกือบลืมทุกปี คือหมึกแห้ง หมึกผ่าไหว้เจ้า ขนาด Big size ชุดละ 1 ตัว เด็กๆอย่างเราเล็งไว้ พอเสร็จ เราจะย่างด้วยควันไฟ กินกันอย่างอร่อย
เหลือจากการย่าง ก็เอาไปทำเมนู แกงจืดหัวไชเท้า ใส่หมึกแห้ง (นานๆกินทีก็น่าจะอร่อยเหมือนกัน แต่ก่อนกินบ่อย เลยขอร้องว่าห้ามทำ นี่ก็ 20 ปีแล้วซิ ผมไม่เคยได้กินมันเลย ..ไม่น่าบ่นเลยจริงๆ ตอนนั้น)
ที่เหลืออีกอย่าง จะใส่เป็ด หรือหมูสามชั้นก็เลือกเอา
หมึกแห้งไหว้เจ้าแบบนี้ เขาไม่ได้มาทำบนฝั่งหรอก ได้จากเรือก็ทำจากเรือ เอาดีออก แบะตัวออกรีดแบนๆๆ ล้างน้ำทะเล แล้วตากกลางลำเรือ 2 แดด แห้งสนิท เป็นหมึกไหว้เจ้า คุณภาพดี ระดับ premiem กันไป
จำลองการเอาดีหมึกออก กับแบะหลังหมึก
หมึกศอกไหว้เจ้า ขนาดใหญ่
ถ้าเอาหมึกผ่าไหว้เจ้าไปเทียบกับ หมึกบดแถวล่างตัวเล็ก แถวบนตัวใหญ่ เทียบกันไม่ได้ ขนาดหมึกแถวบนตามร้านเวลาบดแล้วยาวขนาดไม้บรรทัด แต่ถ้ามาเอาหมึกศอกไหว้เจ้าไปบด ผมว่าคงยาวเป็นปล่องโรงสีแน่ๆ 555
พอในวงห่อขนมเทียนเริ่มเงียบ ???? ยายจำอายุ 80 เริ่มเปิดเรื่องความหลังกันต่อให้หลานๆฟัง
ยายจำ ชื่อจำ เป็นชื่อของยาย ฟังแล้วดูมีความจำเป็นเลิศ เพราะยายจำอดีตได้อย่างแม่นยำ แม้กระทั่งชื่อคน ไปทำอะไรทีไหน เมื่อไหร่ สุดยอดจริงๆ แต่อย่าถามว่า วันนี้กินข้าวหรือยัง แกตอบคำเดียว.....ยัง ไปหาหมอที่โรงพยาบาล เรื่องความจำ หมอให้ยามากิน เขาบอกยาหลังอาหาร กับยาก่อนนอน ให้ มา 2 เดือน ผมบอกแล้วว่า "ยายความจำดีไม่ได้หลง"
ยายไม่เคยลืมกินยาซักครั้งตามหมอพูดทุกอย่าง ไม่ถึงเดือนยาหมด ผมพาไปหาหมอ เขาบอกยาหมด จะไปซื้อ แกเถียงกับหมอ
หมอ :...ทำไม!!!ยาหมด
ยาย : ก็กินตามหมอทุกอย่าง
หมอ : ผมให้ไป 2 เดือนยานี้ต้องอยู่ 2 เดือน ยายกินตามหมอบอกหรือเปล่า ยาย : ก็หมอบอกยานี่ กินก่อนนอน ไม่ไช่เหรอ ยายอ่านหนังสือไม่ออก เลยทำตำหนิไว้ จะได้รู้ ลูกๆมันงานเยอะ..เกรงใจมัน
หมอ : อืม.. ก็ไช่ แล้วยายกินกี่เม็ด ยาย : นอนครั้งนึงก็นึงเม็ด วันนึงนอน 2 ครั้ง ก็ 2 เม็ด หมอ .............(กุมขมับ หมอลืมว่ายายนอนกลางวันด้วย บอกไม่ละเอียด เป็นความผิดของหมอ) แล้วนี่หละยาก่อนอาหาร ทำไมหมดไม่ตรงกันกับที่ให้
sirikhun: หมอครับ อันนี้ผมขอตอบได้ไหม ก็ยายแกลืมว่า กินข้าวไปหรือยัง แต่จำได้ว่าต้องกินยาก่อนอาหาร แกก็เลยกินอาหารทั้งวัน วัน นึง 4-5 มื้อครับ ไม่ให้ยายแกกินผมบอกว่ายายกินแล้ว เขาว่าเราแกล้งไม่ให้กิน ร้องไห้อีก หมอครับ ทำไงดี
หมอ : งั้นเปลี่ยนแผนใหม่ ยายเอาตามหลานว่านะ จะให้หลานช่วยจัดยาใส่กล่องให้ เป็นวันเลยดีกว่านะ ยาย :เอาไงก็เอา
..... เป็นไงครับยายผม ความจำเป็นเลิศ
ยายบอกก๋งหล่อ ตอนหนุ่มแต่อย่าถามกลับหละว่ายายสวยหรือเปล่า มุขแกเยอะ....
คุณอาภัสรา หงสกุล
สมัยอภัสรา หงสกุลประกวดนางสาวไทย ยายยังสาวๆอยู่ คนแถวบ้านบอกยาย สวยนะนี่ น่าจะไปลงแข่งกับเขามั่ง ยายยิ้มด้วยความภาคภูมิ
ยายครับ อภัสรา หงสกุล ตอนนี้เขายังสวยอยู่เลยนะครับ เขารุ่นน้องยายไม่กี่ปีเอง เขายังสาวอยู่เลย อายุขนาดนี้ ยังใส่รองเท้าส้นสูงออกงานได้อยู่ แต่ยายต้องใช้ไม้เท้า แถมยังไปผ่าหัวเข่ามาอีก 2 ข้าง มันเทียบกันไม่ได้นะ
...เท่านั้นแหละ ในวงขนมเทียน หัวเราะกันท้องแข็ง ยายงอนไม่พูดต่อเลยทันที
ซักพักก็พูดต่อ หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ทุกเทศกาล ก๋งเอ็ง ก็จะจับเอาปลาหน้าหัวสะพานมานึ่งโดยไม่ขอดเกล็ด เพราะเขาเชื่อว่าจะสมบุรณ์ต่อการไหว้และสามารถเก็บไว้ไหว้ได้ไม่เสียง่ายกว่าขอดเกล็ด เตรียมนึ่งตั้งแต่วันจ่าย นึ่งให้สุกๆๆๆ กว่าจะไหว้เสร็จอีกวันหนึ่งจะได้กินกันต่อได้ ปลาเน่าเร็วกว่าเป็ดเยอะ
ส่วนเป็ด ที่เลี้ยงไว้ ก๋งก็จะจัดพิธีสังหาร ก็เชือดเป็ด เชือดไก่ นั่นแหละ แล้วก็ต้มด้วยยางเหนียวๆๆ เคี่ยวจนขน ติดกับยางเหนียว แล้วล้อมวงนั่งถอนขนเป็ดใช้ แหนบหนาๆๆ งับขนออก อีกเมนูหนึ่งที่ก๋งชอบทำ คือแกงจืด ถั่วลิสงกับหน่อไม้เป็นแผ่นๆดอง กับที่ขาดไม่ได้คือเผือกหิมะ อร่อยประทับใจมากๆ (เพราะผมเป็นคนชอบกินเผือกอย่างแรง)
ส่วนภาพของก๋งที่ยัง หลงเหลือในความทรงจำเก่ากับการเล่าเรื่องของยายจำ มันยังคงอยู่กับยายตลอดเมื่อถึงเทศกาล
"ไอ้เก๋าเจ้ง หูบ้อ!!!!"
ยังจำได้ แว่วอยู่ในหู ถึงหลานๆทุกคน เมื่อไอ้หมามาขโมย เป็ด ที่แกนั่งถอนขนมาทั้งคืน อยู่ทุกเทศกาล
สุดท้ายคือเสียงกรนอันเป็นเอกลักษณ์ดังสนั่นหวั่นไหว ยังก้องอยู่ในหูพวกเราทุกคน แต่นับมาเมื่อแกหลับไม่ตื่น ..4 ปีแล้วสินะ ที่เราไม่ได้ยินเสียงแบบนี้ บรรยากาศตรุษจีน เริ่มเงียบไปอีกปี ลูกหลานเด็กๆ เริ่มห่างจากกัน ความสามัคคีเริ่มหดหายไป ยายบอก ...แม่เล่า
ถ้าวันข้างหน้าไม่มีผู้ใหญ่อย่างเราเทศกาลตรุษจีน ที่มีนัยยะถึงการรวมตัวของพี่น้อง การปรองดองเมื่อพี่น้องมีปากเสียงกันระหว่างปี ก็มาคืนดีกันรักใครกัน ปรับความเข้าใจกันและกัน ที่สำคัญการระลึกถึงความกตัญญูของคนเก่าโบราณ ที่ให้กำเนิด พวกเรามา
ก๋งยาย แม่ กับพี่น้องของแม่รวม 11 คน เดี๋ยวนี้เวลามาตรุษจีนมาเป็นกองทัพลูกหลานเต็มไปหมด ไม่ต่ำกว่า 50 ชีวิต
คุณค่าของคนโบราณเทียบเป็นราคา เป็นมูลค่าแล้วมันไม่มีค่าอะไรเลยหากเทียบเป็นมูลค่าในปัจจุบัน...ทองมีค่ามาก
ดินอันชุ่มฉ่ำแม้ราคามันไม่มี แต่มันก็เป็นสิ่งให้กำเนิด พืชพันธ์อย่างเรา ให้เรามีอยู่ถึงวันนี้ เราจึงไม่ควรลืมประเพณี วัฒนธรรม ....ทองปลูกต้นไม้ไม่ได้ แต่ดินปลูกได้
เราอย่าเชื่อเหตุแห่งการค้า เพื่อให้เราใฝ่หาความมั่งคั่งจากการ สวดมนต์ หรือการจุดธูปขอพรอันใด ถ้าเรายังยึดมั่นในความดี ด้วยวิถีแห่งความสัตย์ซื่อ
ดินดีที่ปลูกต้นไม้ ได้นั้น รดน้ำให้ปุ๋ยอย่างดี วันข้างหน้ามันโตขึ้น ผลที่ได้ ย่อมเป็นของเจ้าของคนปลูกแน่นอน อร่อยหรือไม่ อยู่ที่เรา...ตั้งแต่วันนี้
ผมคิดอยู่ในใจวันข้างหน้า เราจะทำแบบนี้ได้หรือเปล่า ถ้าผมต้องเป็นผู้รับภาระการจัดประเพณีตรุษจีน เพราะประเพณีนี้ช่างปราณีต ลึกซึ้งแฝงไว้กับกุศโลบายมากมายซะเหลือเกิน..