บทความ

Apr 22 2025

ปลาทับทิม ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา

Apr 22 2025

จากสมัยรุ่นปู่ ตา ทวด คนทะเลบ้านผม ไม่รู้จักหรอกปลาทับทิม ขนาด ปลานิล ที่เขาบอกว่าเป็น ญาติกับปลาทับทิม ยังฟังแล้ว สงสัยมันคือปลาอะไร ทำไม๊....ทำไมเหมือน "ปลาหมอเทศ" บ้านเราจัง

120009t1528795023.jpeg พอซักพักปลานิลเริ่มดังขึ้น ชื่อเสียงเริ่มกระฉ่อน คนถึงรู้ว่าปลานิล เป็นปลาน้ำจืด ส่วน ปลาหมอเทศ เป็นปลาทะลน้ำเค็ม หน้าตา ทุกอย่างเหมือนกันยังกับแกะแบบพิมพ์ .... แต่ปลาหมอเทศอร่อยกว่ามากๆๆ และลักษณะ จะมีหางสีแดงตัวอ้วนขาวสวยกว่ามาก แต่ปลาหมอเทศ เพาะพันธ์ยาก โตช้า

งั้นเรามาย้อนหลังหาประวัติจาก Internet กันหน่อย

จากประวัติศาสตร์ วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2508 สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ มกุฏราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ทรงจัดส่งเข้ามาทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

จำนวน 50 ตัว ครั้งนั้นได้โปรดเกล้าฯ ให้ทดลองเลี้ยงปลานิลในบ่อสวนจิตรลดาเป็นหนึ่งโครงการในในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ผลการทดลองปรากฏว่าปลานิลที่ทรงโปรดเกล้าให้ทดลองเลี้ยงได้เจริญเติบโตและ แพร่ขยายพันธุ์ได้เป็นอย่างดี ต่อมาจึงได้พระราชทานชื่อว่า "ปลานิล" (โดยมีที่มาจากชื่อแม่น้ำไนล์ (Nile) ที่เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิม หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Tilapia nilotica) และพระราชทานพันธุ์ปลาดังกล่าวให้กับกรมประมงจำนวนหนึ่ง เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2509 เพื่อนำไปขยายพันธุ์และแจกจ่ายแก่พสกนิกร และปล่อยลงไว้ตามแหล่งน้ำต่าง ๆ ตามที่เห็นว่าเหมาะสม เนื่องจากปลานิลมีคุณลักษณะพิเศษหลายอย่าง เช่น กินอาหารได้ทุกชนิด เช่น ไรน้ำ ตะไคร่น้ำ ตัวอ่อนของแมลงและสัตว์น้ำเล็ก ๆ มีขนาดลำตัวใหญ่ ความยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร แพร่ขยายพันธุ์ง่าย และมีรสชาติดี ในปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังโปรดเกล้าฯ ให้ทดลองเลี้ยงและแพร่ขยายพันธุ์ปลานิลในบ่อสวนจิตรลดาต่อไป ในทางวิชาการเรียกสายพันธุ์ปลานิลดังกล่าวว่า "ปลานิลจิตรลดา" ซึ่งยังคงเป็นปลานิลสายพันธุ์แท้ที่ประเทศไทยได้รับทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจากพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ แต่แล้ว พันธุกรรมก็เริ่มกลับกลาย สีสันที่เคยดกดำ กลับแปรเปลี่ยน เป็นสีกระดำกระด่าง บางตัวก็ออกสีแดงเรื่อ ตัวไหนสีออกแดงเรื่อมากๆ เลยตั้งชื่อให้ใหม่เสียเลยว่า "ปลานิลแดง"

 แต่แล้วการพัฒนาของสายพันธ์ก็ได้มีการคัดแยก DNA โดยมีบริษัทผู้รับการวิจัยนี้ไปคือ บริษัทเจริญโภคพันธ์ หรือที่เราเรียกว่า บริษัท "CP" 





ทางทีมงาน C.P ได้ทำการคัดเลือกสายพันธ์จากปลานิลมา 5 สายพันธ์มาผสมกัน คัดแต่ความเก่งในแต่ละด้านมารวมกัน เป็นพัธ์ใหม่เกิดขึ้น  ซึ่งในนั้นเป็นปลานิลจิตรดาที่ได้รับพระราชทาน อยู่ในนั้นด้วย  

(การใช้สายพันธ์ จากบราซิล เป็นพันธ์ที่โตเร็ว พันธ์ไต้หวัน เป็นพันธ์ที่ทนทานโรค พันธ์แอฟริกา ที่ให้สีแดง)

ที่นี้หละ ได้ปลามาแล้ว คัดแต่ตัวแดงๆๆ จะเรียกปลานิลแดง ออกสู่ท้องตลาด ก็ดูไม่เหมาะกับความพากเพียรที่ได้ทุ่มเทค้นคิด จึงได้ขอพระราชทานชื่อ ปลานิลแดง จากองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้พระราชทานนามว่า

"ปลาทับทิม" .......นี่แหละที่มา

!!!!! เจอหลายคนถามปัญหาสงสัย เขาถามว่า ปลาทับทิม CP เขาบอกว่าเป็นหมัน จริงหรือเปล่าค๊ะ ???

เอ.....เอ...ผมคงตอบไม่ได้แน่ๆ เลยต้องรบกวนคุณฉ่ำจากบริษัท CP ช่วยพาไปดูงานที่ จ.กาญจนบุรี แล้วช่วยตอบปัญหา แล้วอธิบายทับทิมให้หมดไส้หมดพุง กันไปเลย



พี่ฉ่ำ:  ไม่จริง ไม่ได้เป็นหมัน แต่ส่วนใหญ่เราจะคัดแต่ปลาตัวผู้ไปเลี้ยง เพราะตัวผู้ ..โตเร็ว เนื้อเยอะ มีไขมันเยอะกว่า ลักษณะตัวจะอ้วนกลม ไม่นิยมเลี้ยงตัวเมีย เพราะตัวเมีย ตัวโตช้า กินอาหารเก่ง และท้องบ่อยๆๆ เพราะอย่างงี้ตัวเมีย จึงมีลักษณะเรียวยาว ตัวผู้ก็จะอ้วนสั้น หัวหลิมๆๆ ตัวเมีย ใหญ่สุดประมาณ 5- 6 ขีด แต่ตัวผู้ ตัวใหญ่โตได้ถึงตัวละเป็นกิโล



  
งั้นพี่ฉ่ำ ไหนๆจะอธิบายแล้วก็อธิบายเรื่องราวของปลาทับทิม ของที่นี่ให้พวกเราฟังหน่อยสิครับ

พี่ฉ่ำ: การเลี้ยงปลาทับทิมของบริษัท"C.P" จะเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงเพื่อให้ชาวบ้านท้องถิ่นละแวก นั้นเป็นผู้ดูแล โดยมีหน่วยงานประเมินความเสี่ยง ของหน่วยงานบริษัท C.P เป็นผู้วิเคราห์ะว่า เกษตรกร รายใดเลี้ยงได้หรือไม่ มีกำไรต่อการเลี้ยงมากน้อยแค่ไหน 

โดยสิ่งที่จะดูคือ การประเมินปัจจัยของสภาพโดยรวม แหล่งน้ำต้องมีความเหมาะสม น้ำต้องเกิดการเคลื่อนที่ไม่หยุดนิ่งเป็นเวลานานๆ อุณห ภูิมของน้ำจะต้องต่ำกว่า 30 องศา (ถ้าอุณหภูิมน้ำถึง 30 องศา ปลาจะป่วยง่าย แต่ถ้าเลยไปถึง 32 องศา ปลาที่เลี้ยงจะเสี่ยงต่อการตายได้ง่าย

ระดับ ความเค็มของน้ำอยู่ที่ 27 ดีกรี ซึ่งปลาทับทิมชอบมาก แต่ความเค็มของน้ำลดลงกว่านี้ ปลาทับทิมก็สามารถปรับตัวอยู่ได้ ปลาทับทิมจึงเป็นปลาลักษณะทีีคล้ายปลากระพงขาว เป็นปลาอยู่ได้ 2 น้ำ แต่หลักๆแล้วก็จะอยู่น้ำกร่อย ค่อนข้างไปทางจืด(เท่าทีเราเห็นกันมากๆ) ระดับ ความลึก โดยอิงกับดินใต้น้ำ ว่าระดับน้ำลงต่ำสุด ก้นกระชังไม่ติดดิน ถ้ากระชังติดดิน ปลาก็สามารถกินดินได้ ทำให้เนื้อปลามีกลิ่นดินได้ อย่างนี้ไม่ดี

   เมื่อได้แหล่งน้ำแล้ว และผ่านเกณท์ประเมินความเสี่ยงจากหน่วยงานกลาง เพื่อไม่ให้เกษตรกรขาดทุนแล้ว ทางบริษัท cp ก็จะส่งลูกปลาทับทิมขนาด 0.3 กรัมต่อตัว เรียก "ลูกปลาฟลาย" ซึ่งมีอายุ 35 วัน นำมาเลี้ยงในกระชัง โดยเลี้ยงกระชังละ 3500 ตัว เลี้ยงประมาณ 45 วัน ก็จะได้ขนาด 30-200 กรัม ลูกปลาก็จะโตขึ้น เรียกปลาขนาดนี้ว่า" ปลาฟิงเกอร์" จากนั้นจึงทำการแยกปลา พิการออกจากปลาตัวปกติ ปลาที่ด่างๆ ดำ ก็จะถูกคัดแยกออกมา เพราะตลาดไม่ชอบ แต่จากการที่สอบถามและศึกษามา



ปลาทับทิมเป็นพันธ์ที่ถูกคัดแยกตัดแต่งพันธุกรรม มาจากปลานิล อาจมีสีดำบ้างเป็นเรื่องปกติ 

จากปลากระชังละ 3500 ตัว พอโตขึ้นมาแล้วคัดแยกออก แบ่งเป็นกระชังละ 1500 ตัวเพื่อให้ปลาเติบโต และมีพื้นที่อยู่ได้อย่างหลวมๆ จากขั้นตอนนี้อีก 70 วัน ก็จะได้ปลาขนาด 7 ขีด ขนาดนี้แหละที่เราใช้เป็นปลาที่ตลาดนิยม เรียก"ปลาฟินิชเชอร์" เป็นปลาเนื้อ

 การให้อาหาร 1 วันให้ 3 มื้อ ในปริมาณเท่าทีปลาจะกินได้และจะให้อาหารลอยอยู่ในน้ำประมาณ 15 นาที ไม่งั้นโปรตีนที่อยู่ในอาหาร จะหมดลง เพราะอาหารทาง CP จะเป็นผู้ผลิตและส่งให้เกษตรกรอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้ส่วนผสมหลักคือ ปลาป่นเพราะมีโปรตีนเยอะ

เอาสาวๆไปดูตื่นเต้นกันใหญ่ ไม่ไช่ดูตื่นตาตื่นใจนะ แต่กลัวตกน้ำ

  เมื่อปลาได้ที่ เกษตรกรจะแจ้งให้บริษัททราบเพราะขั้นตอนการจับ เป็นขั้นตอนละเอียด ทางบริษัทต้องเป็นผู้ดำเนินการ ไม่อนุญาติให้เกษตรกรจับเอง ต้องมีเจ้าหน้าทีควบคุมการจับ เพื่อกำหนดถึงเวลาต่างๆดังนี้

ก่อนการจับปลา 2 วันจะมีการงดอาหารเพื่อให้ท้องปลาสะอาดจากอาหารทั้งหมด ทั้งนี้จะเป็นการช่วยยืดอายุปลาไม่ใหเน่าเร็ว ด้วยจากอาหารปลาในท้องจะเสื่อมสลายได้ง่ายและเน่าก่อนส่วนอื่นๆ แต่ไม่ไช่บริษัทCP เขาจะให้อาหารปลาก่อนเพื่อเพิ่มน้ำหนักปลา (ยังงี้แหละอีกข้อที่แตกต่างด้านราคา)

การยึดติดกับฝั่ง โดยให้กระชังสามารถขึ้นลง กับระดับน้ำในแม่น้ำได้ แต่น้ำ ถ้าลดต่ำสุด ก้นกระชังก็ยังไม่ติดท้องน้ำ อยู่ดี





เมื่อปลาสดเวลาปลายังไม่ตาย สีสรรค์จะยังไม่แดงเท่าไหร่นัก แต่เวลาตายด้วยการใช้น้ำแข็ง เพื่อทำการน๊อกปลา ปลาจะได้ตายไวที่สุดเนื้อก็จะไม่เอียน สีของปลาจะแดงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็จะไม่แดงมาก ออกชมพูเรื่อๆ อย่างนี้สิเรียกว่า "สวย"

ลูกปลามาแล้ว ไปดูกันหน่อย

ลูกปลาทับทิม ทีมีจุดดำ หรือสีดำคาด ก็หลงเหลือจากการคัดแยกตอนเล็กๆ แต่โตขึ้นมาอย่าคิดว่ามันไม่ดีหละ แค่มันไม่สวยเท่านั้น อย่าคิดมาก เพราะยังไงแล้วมันก็คือ ปลานิล นั่นแหละ




มาดูกันต่อถึงเรื่องอาหาร อาหารเม็ดของcp เพื่อปลาทับทิมโดยเฉพาะ ก็จะเป็นอาหารลอยน้ำ เพื่อให้ปลาออกกำลังกาย และจะเอาออกเมื่อปลากินอิ่มแล้ว ไม่หลงเหลือไว้ในน้ำและ และอาหารปลาก็จะไม่จมน้ำ แต่ถ้าเอาออกไม่ทัน ในเวลา 2-3 ชั่วโมงก็จะละลายไปเป็นอาหารของปลาเล็กต่อไป

วิธีการให้อาหารก็ยังต้องมีเทคนิคอีกหละครับ เพื่อบังคับให้ปลามีรูปร่างอย่างที่เขาต้องการ ขนาดวิธีการเหวี่ยงยังต้องมีเทคนิค เพื่อให้ปลามีรูปทรงด้วย มันแปลกไหมหละ ....... ถ้าไม่บอกใครจะรู้

ป้าอ้วน (ทีมงาน) ลองเหวี่ยงมั่ง ก็ดูท่า ....ไม่เป็น

 เอาหละทุกขั้นตอนเราพูดกันมาซะละเอียด ทีนี้ ในตลาดมีปลาทับทิมอยู่มาก และปลาที่ไม่ไช่ของ CP ก็มีมากมายในท้องตลาด การเลี้ยงทุกขั้นตอนต่างๆ ไม่แน่ใจว่าเขาจะใส่ใจแบบนี้หรือเปล่า หรือจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ราคาถูก แต่ CP มีความต่าง อย่างที่เขียน  (ผมเชียร์เขาเกินไปไหมเนี่ย)  

แล้วอย่างไหรหละที่นี้ คนก็เอาชื่อ CP ไปขายนะสิ บอกว่าเป็นปลา CP ราคาถูก ส่วนตลาดก็ล้นเลยทีนี้ CP จึงได้ขอทวงสิทธิ์ นิดหน่อย กับการทุ่มเท ขอติด TAG เราเลยเอาวิธีติด TAG มาให้ดูคร่าว (อย่างไม่มีอะไรมากนัก)

การซ่อมบำรุงชองกระชัง กับ บรรยากาศรอบๆ

เป็นอย่างไรบ้างครับ บรรยากาศรอบๆๆ มีพระสวดมนต์ให้ปลาฟังด้วย ปลาจะได้ไม่เครียด

  พอเสร็จถึงเวลากลับ พี่ฉ่ำเขาให้ปลามาฝาก ป้าอ้วน แทบอดรน ทนไม่ได้ คว้าหมับ เอาเข้าปาก แถมมีเสียงตะโกนมาด้วยว่า  

"ปลาทับทิมทำปลาดิบได้นะ แล่เอาหนังออก ทำปลาดิบ อร่อยง่ายราคาถูก เอาไปลองซะ"

กินแบบนั้นมันเป็น ผีเสื้อสมุทรโว้ย!!!!  ฮ่าฮ่า หัวเราะกันครึน 

งั้นก็ต้องแลหนังก่อนนะ

ไปหละ

If no one is cool, we are cool.